วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เพลง ฉ่อย น้ำท่วมรายการคุณพระช่วย

เพลง ฉ่อย น้ำท่วม คุณพระช่วย(จำอวดหน้าม่าน) น้าโย่ง น้าพวง น้านง - ดูวิดีโอทั้งหมด กดที่นี่

วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ธรรมพระบูรพาจารย์(หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)




ธรรมพระบูรพาจารย์(หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)

ธรรมพระบูรพาจารย์ ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ใช้อบรมลูกศิษย์นั้น ได้มีพระภิกษุสงฆ์ในสมัยนั้นใช้อบรมพระ เณร และอุบาสก อุบาสิกกา มารดาของข้าพเจ้าได้นำกลับมายังที่บ้านในขณะที่ข้าพเจ้าอายุเพียง 7 ขวบ ข้าพเจ้าก็ได้ยึอตำราเล่มนั้นใช้ในการเจริญกรรมฐานมา โดยตลอด ข้าพเจ้าได้ขออนุญาติมาบอกเล่าสู่กันฟังแล้วกันครับ

"การบำรุงรักษาสิ่งใดๆในโลก การบำรุงรักษาตนคือใจเป็นเยี่ยม
จุดที่เป็นเยี่ยมยอดของโลกคือใจ ควรบำรุงรักษาด้วยดี
ได้ใจแล้วคือได้ธรรม เห็นใจแล้วคือเห็นธรรม
รู้ใจแล้วคือรู้ธรรมทั้งมวล ถึงใจแล้วคือถึงพระนิพพาน"


"ใจนี้ คือสมบัติอันล้ำค่า จึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมองข้ามไป
คนพลาดใจ คือคนไม่สนใจปฏิบัติต่อดวงใจดวงวิเศษในร่างนี้
แม้จะเกิดสักร้อยชาติพันชาติ ก็คือผู้เกิดพลาดอยู่นั่นเอง"


"ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ จะแยกกันไม่ได้ หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก
ต้องอิงอาศัยกันอยู่ฉันใดก็ดี ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ก็อาศัยกันอยู่อย่างนั้น
สัทธรรมสามอย่างนี้ จะแยกกันไม่ได้เลย"


ขออนุญาติแบ่งเป็นทั้งหมด 10 บทนะครับ
1.เรื่องภาวนา

2.วิธีนั่งสมาธิภาวนา

3.วิธีนึกคำบริกรรมภาวนา

4.วิธีกำหนดรู้จิตตกลงสู่ภวังค์เอง

5.วิธีออกจากสมาธิ

6.วิธีเดินจงกรมภาวนา

7.นิมิตสมาธิ

8.วิธีแก้นิมิตสมาธิ

9.วิธีพิจารณาอนุโลม-ปฏิโลม

10.เจริญปหานปริญญาวิธี

ถ้าผู้ใดปฏิบัติได้ครบถ้วนก็จะได้เป็นอริยบุคคลคือสำเร็จเป็นโสดาบันครับ
ข้าพเจ้าขออนุญาติตั้งกฏเกณฑ์บางประการสำหรับคำถามดังนี้


1.ผู้ที่ถามในกระทู้นี้ ต้องภาวนา"พุทโธ" เท่านั้นครับ ถ้าเจริญกรรมฐานอย่างอื่นให้ไปถามที่ห้อง อภิญญา-สมาธิแทนครับ

2.ขออนุญาติไม่ตอบคำถามในช่วงอรูปฌาน4 เพราะผู้ที่ปฏิบัติได้นั้นจะมีทิฐิเกิดขึ้นในใจไม่มากก็น้อย และข้าพเจ้าเองก็ไม่มีความสามารถที่จะตอบได้ครับ

หลวงปู่มั่น ได้กล่าวว่า

"ไม่ว่าธรรมส่วนใด ถ้าสำคัญ ตน ว่าเสวยเป็นอันผิดทั้งนั้น"

และตอนที่ท่านอบรมสอนหลวงปู่แหวน นั้นท่านได้กล่าวว่า

"ติดดี นี่แก้ยากกว่า ติดชั่วเสียอีก"



ขอให้เจริญในธรรมครับ

เครดิต
 

 โดย :พิกกี้โกะ 

วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2554

การบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์





การจุดธูปบูชา เสริมดวงชะตาหรือขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นเรื่องของความเชื่อที่สืบทอดต่อๆกันมาการจุดธูป เทียน หมายถึง ไหว้พระรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 
การจุดเทียน เป็นตัวแทนของ แสงสว่างชีวิต 
ดอกไม้หอม แทนคุณงามความดี ความเจริญ
การสักการะ ถือเป็นการทำอมิสบูชา ให้เกิดมงคลแก่ชีวิต โดยการบูชาสิ่งที่ดี ทำให้ตัวเรา มีบารมีมากขึ้น        จึงใจสงบขึ้น
การสักการะใช้ธูปกี่ดอก1.พระพุทธรูป ใช้ 3 ดอก แทนพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ
2.พระสงฆ์ ใช้ 3 ดอก แทนพระรัตนตรัยและผู้มีพระคุณ
3.พระสงฆ์ พระเกจิอาจารย์บรรลุธรรม  จุดธูป 9 ดอก แทนพระรัตนตรัยและผู้มีพระคุณ
4.พระพุทธเจ้าหลวง เสด็จพ่อรัชกาลที่ 5 ขอพร จุดธูป 9 ดอก
5.พระโพธิสัตว์กวนอิม ขอพรจุดธูป  9 ดอก
6.พระแม่อุมาเทวี  ขอพรจุดธูป  9 ดอก (องค์เทพองค์พรหม) 
-บน 39 ดอก - บวงสรวง 16 ดอก
7.ปู่ฤาษี ขอพรจุดธูป  9 ดอก
8.พระภูมิเจ้าที่ -เทพ ใช้ธูป 9 ดอก
- เทวดาธรรมดา 5 ดอก
- ผี 1 ดอก
9.กุมารทอง -จากวัด ใช้ธูป 5 ดอก
- วิญญาณลูก 1 ดอก
10.ไหว้บรรพบุรุษ  ให้จุดธูป 1 ดอก
11.ว่านมงคลกาหลง  ให้ธูป 5 ดอก
12.พระแม่นางกวัก  ให้จุดธูป 9 ดอก

การจุดธูปเพื่ออะไร
การจุดธูป 1 ดอก : เป็นการจุดไหว้เจ้าที่เจ้าทาง ผีบ้านผีเรือน วิญญาณภาคพื้น
การจุดธูป 2 ดอก : เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณและการจุดธูปบนอาหาร
การจุดธูป 3 ดอก :  เป็นการจุดธูปบูชาพระรัตนตรัย บูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
การจุดธูป 4 ดอก : เป็นเรื่องเกี่ยวกับธาตุสี่ ใช้ในการสวดเสริมดวงชะตาราศี
การจุดธูป 5 ดอก : เป็นการจุดธูปบูชาพระพุทธ พระธรรม  พระสงฆ์ พ่อแม่และครูบาอาจารย์
การจุดธูป 6 ดอก : เป็นการ จุดธูปเสริมดวงชะตาตามกำลังไฟของอาทิตย์(1) คนที่เกิดวันอาทิตย์
การจุดธูป 7 ดอก : เป็นการจุดบูชาจิตวิญญาณตามศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ และครูบาอาจารย์ที่เสียชีวิตแล้ว
จุดธูป 8 ดอก : เป็นการเสริมดวงชะตา ตามกำลังพระอังคาร (3) และตามจำนวนอัฎฐเคราะห์
จุดธูป 9 ดอก เป็นการจุดธูปบูชาผู้มีพระคุณ พระภูมิเจ้าที่ เทพ เจ้าป่าเจ้าเขา รุกขะเทวดา ศาลพระภูมิ ศาลเทพ
จุดธูป 10 ดอก เกี่ยวข้องกับธาตุไฟ ตามกำลังของพระเสาร์ (7) มีกำลัง 10 เพื่อใช้ในการสวดเสริมดวงชะตา
จุดธูป 11 ดอก : ใช้บูชาเทวดาชั้นสูง
จุดธูป 12 ดอก : ในการบูชาตามกำลังพระราหู (8) ใช้ในการสวดเสริมดวงชะตา คนที่เกิดวันพุธกลางคืน
จุดธูป 13 ดอก : เป็นเลขไม่เป็นมงคล จึงไม่นิยมจุดบูชา
จุดธุป 14 ดอก ใช้จุดธูปบูชารูปปั้นพระสงฆ์ (เป็นการบูชาคุณพระสงฆ์)
จุดธุป 15 ดอก ใช้สวดบูชาดวงชะตา เกี่ยวข้องกับธาตุ ตามกำลังของดาวจันทร์ (2)
จุดธุป 16 ดอก เป็นการจุดธูปบูชาเทพชั้นสูง บูชาเทพชั้นครู หรือ พิธีกลางแจ้ง ที่มีการอัญเชิญเทวดา ที่สำคัญหมายถึงสวรรค์ 16 ชั้น
จุดธุป 17 ดอก เป็นการเสริมดวงชะตา สวดเสริมดวงชะตา
จุดธูป 18 ดอกไม่นิยมจุด
จุดธูป 19 ดอก บูชาเทวดาทั้ง 10 ทิศ
จุดธูป 21 ดอก บูชาพระคุณของพ่อ การบูชาแม่พระธรณี
จุดธูป 32 ดอก ใช้สวดชุมนุมเทวดาทั้ง 4 ทิศ การไหว้ 16ชั้นฟ้า 15ชั้นดินครับและ 1โลกมนุษย
จุดธูป 39 ดอก การบูชาพระแม่โพสพ
จุดธูป 56 ดอก เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบูชาคุณพระพุทธเจ้า
จุดธูป 108 ดอก บูชาสิ่งสูงสุดทั่วทั้งโลกทุกชั้นฟ้า






การนำดอกไม้ มาถวายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เหมาะสม และความหมายของดอกไม้ชนิดนั้น ๆ เพื่อที่เราจะได้รู้ว่า ดอกไม้ต่าง ๆ ที่เรานำมาถวายให้ท่านนั้น มีความหมายว่าอย่างไร มิใช่ว่า เห็นเขาถวายพวงมาลัย เราก็ถวายตามเขา โดยที่มิได้รู้ถึงความหมายของดอกไม้เหล่านั้นเลย  ดังนี้.
                                           
  - พระพุทธรูป  ดอกบัว, ดอกมะลิ, ดอกพุด, เขี้ยวกระแต
  - พระพุฒาจารย์โต ดอกบัว,  ดอกมะลิ,
  - หลวงปู่ทวด  ดอกมะลิ, ดอกกุหลาบ
  - หลวงพ่อปาน  ดอกมะลิ, ดอกกล้วยไม้
  - เสด็จพ่อ ร.๕   กุหลาบแดง, กุหลาบชมพู, มะลิหอม
  - พระโพธิสัตว์กวนอิม ดอกบัวหลวง ไผ่กวนอิม
  - พระแม่อุมาเทวี ดอกดาวเรือง, ดอกกุหลาบแดง, ใบมะตูม
  - พระแม่อุมาปางกาลี    ดอกชบา, ดอกกุหลาบแดง, หญ้าแพรก
  - พระแม่ลักษณ์   ดอกบัว,  ดอกกุหลาบแดง, ใบมะตูม,  ดอกดาวเรือง
  - พระศิวะ  ดอกลำโพง, ดอกบัว, ดอกมะลิ
  - พระนารายณ์  ดอกมะลิ, ดอกบัว, ดอกดาวเรือง
  - พระพรหม  ดอกดาวเรือง, ดอกมะลิ
  - พระพิฆเนศวร์  ดอกดาวเรือง, ดอกบัวแดง, ดอกกุหลาบ
  - พ่อปูฤาษีทั้ง ๑๐๘ พระองค์   ดอกมะลิ, ดอกกุหลาบ
  - พระภูมิ ดอกดาวเรือง, มะลิ, กล้วยไม้,
  - เจ้าที่ คุณตา คุณยาย  ดอกมะลิ, กล้วยไม้
  - นางกวัก ดอกกุหลาบ,  ดอกมะลิ
  - กุมารทอง ขนมที่ต้องมีแล้วถวาย, ดอกมะลิ

        ***ความหมายของดอกไม้ต่างๆ ตามโบราณท่านมีความเชื่อว่า ดอกไม้แต่ละอย่างนั้น ยังมีความหมายในตัวของมันเอง ท่านจึงนำดอกไม้แต่ละชนิด มาถวายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อที่ว่าผู้ไดนำดอกไม้อะไรมาถวาย การดำรงชีวิตของผู้นั้น จะได้รับผลตามความหมายของดอกไม้ ที่นำมาถวายให้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นๆ ดอกไม้แต่ละชนิดมีความหมายดังนี้
  - ดอกมะลิหอม  หมายถึง ความร่มเย็นเป็นสุข
  - ดอกพุด  หมายถึง  พบแต่สิ่งที่ดีๆ  สิ่งที่บริสุทธิ์
  - เขี้ยวกระแต หมายถึง มองเห็นแต่สิ่งที่ดี
  - ดอกบัวหลวง  หมายถึง  ความสุข, ความสำเร็จ
  - กุหลาบแดง หมายถึง ความรักที่สดชื่น
  - กล้วยไม้ หมายถึง  ทำอะไรราบรื่น         
  - ไผ่กวนอิม  หมายถึง  เป็นมิ่งขวัญแก่ตนเอง
  - ดาวเรื่อง  หมายถึง พบแต่ความรุ่งเรื่อง
  - ใบมะตูม หมายถึง  มีชื่อเสียง                    
  - ดอกชบา หมายถึง  พบความสำเร็จ
  - หญ้าแพรก  หมายถึง  มีความฉลาด
  - ดอกลำโพง หมายถึง มีความโด่งดังทั่วฟ้า               
  - บานไม่รู้โรย   หมายถึง  รักไม่รู้โรย
                          





ตามความเชื่อของคนโบราณ ในการนำผลไม้ขึ้นหิ้งบูชานั้น จะต้องคัดสรรผลไม้ที่มีชื่ออันเป็นมงคล ส่วนผลไม้ที่มีชื่อไม่เป็นมงคลนั้น ห้ามนำขึ้นบูชาบนหิ้งเด็ดขาด มีทั้งหมด ๑๕ อย่าง ได้แก่


 1.  ละมุด เชื่อกันว่า ทำอะไรแล้ว มักไม่โดดเด่น ปิดๆ ซ่อนๆ     
 2.  มังคุด เชื่อกันว่า ทำอะไรแล้วไม่ได้ดีเท่าที่ควร ไปไม่ถึงที่สุด มันกุด ๆ  ด้วน ๆ ไม่โดดเด่น 
 3.  พุทรา เชื่อกันว่า ทำอะไรแล้วดีในช่วงแรกๆ ช่วงหลังๆ ซาซา   
 4.  มะเฟือง เชื่อกันว่า ทำอะไรแล้ว มักผืดเคือง ไม่อะไรก็อะไร สักอย่าง 
 5.  มะไฟ เชื่อกันว่าทำอะไรแล้วมักต้อง เร่งๆ รีบๆ เหมือนไฟลน ไม่ได้คุณภาพ 
 6.  น้อยหน่า เชื่อกันว่า ทำอะไรแล้ว มักมีปัญหา อุปสรรค เล็กน้อย จุกๆจิกๆ อยุ่เสมอๆ ทำแล้วได้ผลเพียงน้อยนิด 
 7.  น้อยโหน่ง เชื่อกันว่า ทำอะไรแล้ว ได้ผลสมบรูณ์เพียงน้อยนิด มีอุปสรรคปัญหา ไม่สมบรูณ์แบบ  
 8.  มะตูม เชื่อกันว่า ทำอะไรแล้วไม่เจริญก้าวหน้า เช่นเดียวกับชื่อที่ตูมอยู่ตลอด ไม่ก้าวหหน้า ไปไม่ได้ไกล    
 9.  มะขวิด เชื่อกันว่า ทำอะไรแล้วมักจะประสบปัญหา วัสดุอุปกรณ์ หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่ครบ ขาดโน่น ขาดนี่เสมอ      10. ลูกจาก เชื่อกันว่า ทำอะไรแล้ว มักจะไม่ยั่งยืน
11. ลูกพลับ เชื่อกันว่า ทำอะไรแล้ว ผลงานต้องโดนเก็บใส่ลิ้นชัก ไม่ได้แสดงผลงาน ไม่ก้าวหน้า  
12. ลูกท้อ เชื่อกันว่า ทำอะไรแล้ว ท้อแท้ เบื่อหน่าย ไม่มีกำลังใจ  
13. ระกำ เชื่อกันว่า ทำอะไรแล้ว มักจะไม่ประสบความสำเร็จ 
14. กระท้อน เชื่อกันว่า ทำอะไรแล้ว สิ่งที่ดีๆ ที่ต้องการเผยแพร่ออกไป กลับสะท้อนมายังจุดเดิม    
15. ลางสาด เชื่อกันว่า เป็นผลไม้ที่มียาง ทำอะไรแล้วมักจะมีเรื่อง ยุ่งยากวุ่นวาย 



เครดิต Teenee.com โดย จิ้มจุ่ม
 

วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์


โรงครัวที่ไม่มีน้ำตาล เกลือ ไม่ใช่โรงครัว การปรุงอาหารให้อร่อย ต้องใช้น้ำตาล เกลือ ขาดน้ำตาล ขาดเกลือ รสชาติอาหารก็ไม่อร่อย น้ำตาล เกลือ จึงเป็นเครื่องปรุงอาหารที่สำคัญ ในเวลาเดียวกัน โทษของน้ำตาล เกลือ ก็มีมาก โรคเจ็บไข้ป่วยของคนเราหลายโรคมีสาเหตุมาจากการรับประทาน น้ำตาล เกลือ มากเกินไป บางคนก็บอกว่า น้ำตาลมีแต่โทษ ไม่มีประโยชน์เลย แต่ร่างกายก็ต้องการน้ำตาลในปริมาณที่เหมาะสม

ชีวิตที่ปราศจากความรัก ไม่ใช่ชีวิต
สำคัญที่สุดในชีวิต คือ ความรัก
ความรักคือชีวิต ชีวิตคือความรัก
ความสุขของชีวิต เกิดจากความรัก
ความทุกข์ของชีวิต เกิดจากความรักเช่นกัน

ทุกข์เพราะความรัก ก็มีมาก จนบางครั้งดูเหมือน
ความรักคือความทุกข์ ทุกข์มากๆ ทำใจไม่ได้
จนถึงขั้นฆ่ากันตาย ทำลายชีวิตตัวเอง ก็มีมาทุกยุคทุกสมัย

เครคิต หนังสือ สาระแห่งชีวิต คือรักและเมตตา พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก